ผ่าตัดกระดูกสันหลังคด เมื่อไหร่ต้องผ่าตัด ทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยและได้ผลดี?

กระดูกสันหลังคด (Scoliosis) คือภาวะที่แนวกระดูกสันหลังเบี่ยงเบนจากแนวตรงเมื่อมองจากด้านหลัง มักแสดงอาการตั้งแต่วัยรุ่น และอาจเป็นเยอะขึ้นอย่างรวดเร็วขณะเด็กกำลังสูงเพิ่มขึ้น แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจแสดงอาการในช่วงเด็กก่อนวัยรุ่น หรือ ในผู้ใหญ่ที่มีกระดูกเสื่อมหรือหมอนรองกระดูกเสื่อมหลายๆข้อ ภาวะนี้สามารถทำให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง ความไม่สมดุลของรูปร่าง หรือส่งผลต่อปอดและหัวใจหากเป็นรุนแรง


อาการของกระดูกสันหลังคด

  • ไหล่สองข้างสูงไม่เท่ากัน
  • กระดูกสะบักหรือสะโพกข้างใดข้างหนึ่งยื่นออก
  • แนวเอวเบี้ยวหรือขาดความสมดุล
  • ปวดหลังเรื้อรัง
  • เมื่อยล้าหลังยืนนาน
  • หายใจลำบากในบางรายที่คดมาก
  • ปวดร้าวลงขา ชา อ่อนแรง กรณีที่เป็นในผู้ใหญ่


การวินิจฉัยโรคกระดูกสันหลังคด

การวินิจฉัยเริ่มต้นจาก:

  • การตรวจร่างกาย: แพทย์จะให้ผู้ป่วยก้มตัวและตรวจดูแนวกระดูกสันหลังว่าคดหรือไม่
  • การถ่ายภาพรังสี (X-ray): เพื่อวัดองศาของการคด (Cobb angle) และประเมินแนวกระดูกทั้งหมด
  • เกณฑ์วินิจฉัยกระดูกสันหลังคดที่ Cobb angle มากกว่า 10 องศา
  • MRI (Magnetic Resonance Imaging): ใช้ในกรณีสงสัยมีความผิดปกติของไขสันหลังหรือเส้นประสาทร่วมด้วย
  • CT Scan: ใช้ประเมินโครงสร้างกระดูกอย่างละเอียด เพื่อเตรียมการผ่าตัด
  • การวิเคราะห์ความสมดุลของร่างกาย: ประเมินการเอียงของศีรษะ ไหล่ สะโพก และแนวแรงถ่วง

การวินิจฉัยอย่างละเอียดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อวางแผนการรักษาและเลือกเทคนิคผ่าตัดที่เหมาะสมที่สุด


ทางเลือกในการรักษา

1. การเฝ้าระวัง (Observation)

เหมาะสำหรับผู้ที่มีความคดไม่เกิน 20-25 องศา และไม่มีอาการเจ็บปวด โดยจะนัดติดตามเป็นระยะเพื่อดูว่ามีการลุกลามหรือไม่

2. การใส่เสื้อดัดหลัง (Brace)

เหมาะสำหรับผู้ป่วยวัยรุ่นที่ยังไม่หยุดเจริญเติบโต และมีความคดประมาณ 20–40 องศา ใช้เพื่อชะลอหรือป้องกันไม่ให้คดเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถแก้ไขความคดที่มีอยู่แล้วได้ โดยเป้าหมายหลักคือเพื่อป้องกันไม่ให้มุมคดสูงขึ้นจนเข้าเกณฑ์การรักษาแบบผ่าตัด

3. การทำกายภาพบำบัด (Physical Therapy)

ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้อง ปรับท่าทาง และลดอาการเมื่อยล้า ใช้ร่วมกับการเฝ้าระวังหรือหลังผ่าตัดเพื่อฟื้นฟู

4. การผ่าตัดกระดูกสันหลังคด (Scoliosis Surgery)

ข้อบ่งชี้:

  • ความคด > 40 –45 องศา
  • อาการปวดหลังเรื้อรัง
  • ความผิดปกติของรูปร่างที่ชัดเจน
  • ความคดที่มีแนวโน้มลุกลาม

การผ่าตัดมีเป้าหมายเพื่อปรับแนวกระดูกสันหลังให้ตรง ลดอาการเจ็บปวด และป้องกันการเสื่อมของหมอนรองกระดูกหรือเส้นประสาทในอนาคต

ในเด็กที่มุม Cobb angle เข้าเกณฑ์ผ่าตัด แต่เลือกที่จะไม่รักษา จะเกิดอะไรขึ้น

  • ความคดอาจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอย่างช้าๆ ถึงแม้จะหยุดเจริญเติบโตแล้ว
  • อาการปวดหลังเรื้อรัง
  • ความผิดปกติของรูปร่างที่ชัดเจน
  • เมื่อต้องผ่าตัดตอนอายุเยอะขึ้น อาจะทำได้ยาก ซับซ้อน และไม่สามารถแก้ไขความคดได้ทั้งหมด


เทคนิคการผ่าตัดและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น

ในการผ่าตัดกระดูกสันหลังคดในปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัย ได้แก่:

การติดตามสัญญาณเส้นประสาท (Intraoperative Neuromonitoring – IONM)

ใช้เพื่อติดตามการทำงานของไขสันหลังและเส้นประสาทแบบเรียลไทม์ระหว่างผ่าตัด หากพบสัญญาณผิดปกติ ทีมศัลยแพทย์สามารถหยุดหรือปรับการผ่าตัดได้ทันที ช่วยลดความเสี่ยงของอัมพาตหรือการบาดเจ็บทางประสาท

ระบบนำทางผ่าตัด (Navigation System)

คล้ายกับ GPS ในการผ่าตัดกระดูก ช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถใส่สกรูยึดกระดูกได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงของสกรูทะลุออกนอกกระดูกและกระทบเส้นประสาทหรือไขสันหลัง โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโครงสร้างกระดูกผิดปกติ

การใช้เทคโนโลยีทั้งสองนี้ช่วยยกระดับความปลอดภัยของผู้ป่วยในระดับสูงสุด และเพิ่มความมั่นใจในการผ่าตัด


การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

โดยปกติก่อนที่ผู้ป่วยจะเข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลังคด

ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินความพร้อมสำหรับการผ่าตัดโดย อายุรแพทย์ และ/หรือ วิสัญญีแพทย์

ซึ่งจะประเมินความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางระบบปอด หัวใจและหลอดเลือด

และจะทำการให้ยาต่างๆ เพื่อเตรียมร่างกายให้มีความพร้อมสำหรับการผ่าตัด

  • งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาต้านเกร็ดเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น aspirin, Plavix และ warfarin เป็นต้น
  • งดอาหารเสริม เช่น สมุนไพร เมล็ดแปะก๊วย โสม น้ำมันตับปลา ยาลูกกลอน อย่างน้อย 7 วันก่อนผ่าตัด
  • งดสูบบุหรี่ และ งดการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนวันผ่าตัด
  • ทำการงดน้ำและอาหาร 8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด เพื่อลดโอกาสเกิดการสำลักอาหารระหว่างดมยาสลบ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้ปลอดโปร่งก่อนการผ่าตัด  


การฟื้นตัวหลังผ่าตัด

  • วันแรกหลังผ่าตัด: เริ่มขยับตัวและลุกนั่งภายใต้การดูแล
  • วันที่ 2–3: เริ่มฝึกเดินร่วมกับนักกายภาพบำบัด
  • กลับบ้านได้ภายใน 5–7 วัน
  • กลับไปทำงานเบา ๆ ได้ภายใน 1–2 เดือน
  • ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดิน ว่ายน้ำ หรือโยคะ ได้หลัง 3 เดือน
  • กระดูกจะเชื่อมสมบูรณ์ประมาณ 6–12 เดือน


ผลการรักษา

ติดต่อเรา

สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์

สมุทรปราการ

เบอร์โทร

โทร. 02-839-6000

ที่อยู่

111 หมู่ 14 ถนนเลียบคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ บางปลา บางพลี สมุทรปราการ 10540

เวลาทำการ

วันจันทร์ 16:00 - 19:00 น.
วันพฤหัส 16:00 - 20:00 น.

รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ คลินิกพรีเมียม @ พาราไดซ์ พาร์ค

เบอร์โทร

02-201-0642

ที่อยู่

ชั้น 3 พาราไดซ์ พาร์ค

เวลาทำการ

เสาร์ 8:00 - 11:00 น.

โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

เบอร์โทร

02-080-5999

ที่อยู่

35/2 หมู่ 12 ถนนบางนา-ตราด ซอย 64 ตำบล บางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540

เวลาทำการ

วันเสาร์ 13:30 - 15:30 น.

โรงพยาบาลไทยนครินทร์

เบอร์โทร

02-340-7777

ที่อยู่

345 บางนา-ตราด กม. 3.5 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260

เวลาทำการ

เสาร์ 16:00 - 19:00 น.

โรงพยาบาลเฉพาะทางกระดูกและข้อ ข้อดีมีสุข

เบอร์โทร

02-080-8999

ที่อยู่

9 ซอยสุคนธสวัสดิ์ 38 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230

เวลาทำการ

อังคาร 17:00 - 19:30 น.

โรงพยาบาลนวเวช

เบอร์โทร

02-483-9999

ที่อยู่

9 ถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230

เวลาทำการ

วันพฤหัส เฉพาะเคสโทรนัดล่วงหน้า

คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา

เบอร์โทร

02-308-7600

ที่อยู่

159 ถนนประดิษฐ์มนูธรรม, วังทองหลาง, กรุงเทพมหานคร 10310

เวลาทำการ

วันศุกร์ 17:00-19:00 น.